Chatuphum's Blog

Welcome to my blog... รองเล่าเรื่อง
Follow Me





วันนี้พี่บอสพาน้องน้ำตาลมาเที่ยวนอกบ้าน จะได้หัดเข้าสังคมกับเค้าบ้าง พี่บอสเองออกมาเที่ยวบ่อยแล้วเลยไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก ส่วนน้องน้ำตาลเป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาเที่ยวตามห้าง ไม่น่าเชื่อว่าน้องน้ำตาลนิ่งมากเรียบร้อยไม่ตื่นผู้คนเลยแถมยังชอบเล่นกับเด็กๆอีกด้วย นี่ถ้าไม่บอกไม่มีใครรู้เลยว่าน้องน้ำตาลเคยเป็นหมาจรจัดมาก่อน น้องทำตัวเนียนมาก สามารถกลมกลืนเดินตามห้างได้เหมือนหมาไฮโซแถวนั้นสบายๆ


เครดิคภาพ : Pimpak May




   ขอชื่นชม Facebook จริงๆในการให้บริการที่เป็นประโยชน์กับทุกๆคนในยามฉุกเฉิน ด้วยการนำเสนอฟีเจอร์ Safety Check* มาให้คนที่ใช้ Facebook ได้ใช้งาน ซึ่งจริงๆแล้วฟีเจอร์ในลักษณะนี้เป็นอะไรที่เราก็ใช้กันอยู่กันทุกวันจนคุ้นชินกับการโชว์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนในสื่อโซเชียล เช่นการเช็คอินว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร และเสี่ยงต่อการเป็นเป้าของมิจฉาชีพ ในการที่เราแชร์ข้อมูลที่จะเป็นโทษกับเราเองมากกว่า

   หากแต่ฟืเจอร์เดียวกันนี้ถูกนำมาใช้ในอีกมุมที่เป็นประโยชน์และทุกคนสามารถใช้งานได้จริงๆ ทันกับสถานะการณ์ที่เหมาะสม มันจะเป็นประโยชน์อย่างมาก อย่างเช่นในการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กรุงปารีสเมื่อวันที่ 13 พย. นั้น ทำให้เราสามารถทราบได้ว่าเพื่อนที่เรารู้จักที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณนั้นปลอดภัยหรือไม่ รวดเร็วและแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร

>>  เช็คความปลอดภัยของเพื่อนคุณในปารีส

* Safety Check เป็นฟีเจอร์จาก Facebook ในกรณีเกิดเหตุก่อการร้ายหรือภัยพิบัติ หากผู้ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวมีบัญชีเฟสบุค จะได้รับข้อความจากเฟสบุคเพื่อเช็คว่า เรายังปลอดภัยดีหรือไม่?


วันนี้ลองให้น้องๆต่อหุ่นยนต์ Sumo มาทดสอบเล่นกันดู กำหนดคำสั่งให้หุ่นยนต์ต้องไม่วิ่งออกนอกเส้นขอบสนามที่กำหนดไว้ เมื่อหุ่นวิ่งเจอเส้นขอบสีดำจะถอยกลับเข้ามาวิ่งภายในสนาม และวิ่งหาคู่ต่อสู้เพื่อที่จะดันให้ออกนอกเส้น หุ่นของตัวไหนที่ถูกดันออกนอกเส้นก่อนถือว่าแพ้

จากการสังเกต น้องๆดูสนุกและตื่นเต้นกับภาระกิจนี้มากๆ ไม่ยอมเลิกแม้ว่าจะหมดเวลาเรียนแล้ว สนุกอย่างไรก็ลองชมกันนะครับ...








ในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ Display Ad Networks จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยรูปแบบโฆษณาใหม่ๆ จะถูกนำมาแทนที่โฆษณาแบบเดิมหรือเรียกง่ายๆ ว่า “เก่าไปใหม่มา” และจะมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ

และนี่คือ 5 สิ่งที่ Display Advertising Networks จะมีการเปลี่ยนแปลงในอีก 5 ปีข้างหน้า

1. Display Ads จะทวีการเติบโต

ภายในปี 2016 มูลค่าการใช้จ่ายโฆษณาแบบ Display Ads จะเข้ามา “กลืน” โฆษณาแบบ Paid Search ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา Display Ads มีการเติบโตอยู่ที่ 21% ต่อปี และมูลค่ารวมการใช้จ่ายทั้งหมดจะไปแตะที่ $75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2016 อันใกล้นี้

2. โฆษณา Interstitials จะแย่งพื้นที่บนสกรีน

ก่อนหน้านี้ในปี 2014 มีรายงานที่อ้างว่า 70% ของรายได้โฆษณาบนมือถือมาจากโฆษณาแบบ Interstitial Ads ซึ่งผลของการอ้างอิงที่เกิดขึ้นมีน้ำหนักพอที่จะทำให้รู้ว่าการโฆษณาของ App ต่างๆ บนมือถือในรูปแบบนี้ กำลังเข้ามาจองพื้นที่บนหน้าจอไปแทบทั้งหมดเมื่อเทียบกับสัดส่วนของพื้นที่ที่เหลือ

3. โฆษณาบนวิดีโอจะเพิ่มความนิยม

เช่นเดียวกับโฆษณาแบบ Interstitial และ Display Ads โฆษณาบนวิดีโอ (Video Ads) ก็จะได้รับความนิยมอย่างสูงไม่แพ้กัน ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2014 นั้น ตัวเลข Video Ads บนมือถือมีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 350% ซึ่งมากกว่าในไตรมาสก่อนหน้า โดยภายในปี 2018 ตัวเลขการเข้าชมนี้จะเทียบเท่ากับการชมแผ่นดีวีดีที่ 6 พันล้านการเข้าชมต่อเดือน และตามที่เราได้เห็นความนิยมในการเข้าชม YouTube และเว็บไซต์สตรีมมิ่งอื่นๆ ทำให้เห็นว่าช่องทางที่ดีที่สุดในการลงทุนจากผลของการเข้าชมวิดีโอที่เติบโตอย่างสูงนี้คือการโฆษณาบนวิดีโอ

4. Programmatic จะกลายเป็นสิ่งที่จำเป็น

มีการคาดการณ์ว่าการซื้อโฆษณา Programmatic จะคิดเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายโฆษณาดิจิตอลทั้งหมดภายในปี 2018 ซึ่งเหตุผลที่ Programmatic มีการเติบโตอย่างรวดเร็วนั้น เพราะมันช่วยแก้ปัญหาของการโฆษณาออนไลน์ให้หมดไป ทำให้ Conversions ดีขึ้นและยังมีข้อดีอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งการซื้อโฆษณาแบบ Programmatic สามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการตัดสินใจ ด้วยการใช้ระบบ Real-Time Bidding และช่วยเพิ่ม ROI มากขึ้นให้แก้ผู้โฆษณา

5. การป้อนทราฟฟิคคุณภาพสูงจะกลายเป็นเรื่องปกติ

Ad Networks จะสามารถป้อนทราฟฟิคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการโฆษณา ให้ลูกค้าได้เฉพาะะเจาะจง และสามารถจำแนกแยกย่อย หรือตีกรอบเฉพาะกลุ่มได้มากขึ้น ละเอียดยิ่งขึ้น และรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งทำให้เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ลงโฆษณาได้มากขึ้น อันเนื่องมาจากการทุ่มเทและลงทุนเพื่อพัฒนาประสิทธภาพทางเทคโนยี

ในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของ Display Ads ซึ่งจะได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของธุรกิจต่างๆ ซึ่งบริษัท Ad Networks ที่มีการเตรียมความพร้อม จะพัฒนาทีมงานในเรื่องความคิดสร้างสรรค์และกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อนำนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญและโซลูชั่นเพื่อรองรับการบริการแก่ผู้ลงโฆษณาและปรับตัวสู่การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่จะมีมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ที่มา YengoBuzz

วันนี้ธุรกิจของคุณจะล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับว่าคุณก้าวทันตามโลกอินเทอร์เน็ตได้เร็วแค่ไหน คุณอาจจะมีธุรกิจออนไลน์หรือบางส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับออนไลน์ แต่ไม่ว่าอย่างไร ยอดขายออนไลน์ของคุณก็ล้วนส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เหตุผล 5 ข้อต่อไปนี้อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณไม่เติบโตอย่างที่คาดหวังไว้
1. ติดอยู่กับกลยุทธ์เก่า
เทคโนโลยีและกลยุทธ์ในการทำธุรกิจนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เคยเวิร์คอาจไม่เวิร์คที่จะนำกลับมาใช้ในอีกสองเดือนต่อมาก็เป็นได้ ถ้าคุณยังฝืนใช้กลยุทธ์เดิมๆ เพื่อทำให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จ คุณควรเตรียมรับความผิดหวังไว้บ้าง เพราะกลยุทธ์ในตำราที่คุณเคยใช้ อาจจะไม่สอดคล้องกับสภาวะธุรกิจของคุณเสมอไป
2. เลียนแบบธุรกิจคู่แข่ง
อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาในการลอกเลียนแบบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้ว ปัญหาก็คือลูกค้าจะให้ความเชื่อถือและให้คุณค่าต่อธุรกิจต้นแบบ ไม่ใช่ธุรกิจที่เลียนแบบ การก็อปปี้อาจทำให้ผู้ประกอบการบางรายประสบความสำเร็จ แต่มันอาจจะไม่เกิดขึ้นกับคุณก็เป็นได้ เป้าหมายของคุณคือการสร้างการรับรู้ให้ลูกค้า เพื่อให้เกิดการไว้วางใจในแบรนด์สินค้า ซึ่งกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อคุณเริ่มต้นเดินออกมาจากการลอกเลียนหรือก๊อปปี้นั่นเอง
3. ไม่โฟกัสการเพิ่มผู้เข้าชมใหม่ๆ
มันไม่สำคัญว่าเว็บไซต์จะดูดีหรือสวยงามมากแค่ไหน ถ้าหากเว็บไซต์ไม่มีผู้เข้าชมหรือมีผู้เข้าชมน้อยและไม่มีคุณภาพ การใช้บริการโฆษณาออนไลน์เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องทราฟฟิกของเว็บไซต์ของคุณ จะช่วยให้ลูกค้าเห็นสินค้าหรือบริการของคุณมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน เว็บไซต์ของคุณจะไม่มีความหมายอะไรเลยหากปราศจากทราฟฟิกและการสร้างผู้เข้าชมใหม่ๆ ให้มา Visit เว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ
4. พึ่ง Social Media มากเกินไป
สิบปีที่ผ่าน Social Media อาจจะเป็นช่องทางที่คุณพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้สำหรับการทำธุรกิจ แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น กลยุทธ์การทำธุรกิจได้เปลี่ยนไปและรวมถึงการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ซึ่งกลยุทธ์เดิมๆ เช่น Social Media อาจไม่ใช่คำตอบที่ธุรกิจของคุณมองหา คุณควรทดลองช่องทางใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับเม็ดเงินที่คุณลงทุนไป เพื่อนำผู้เข้าชมส่งตรงไปสู่เว็บไซต์ของคุณอย่างคุ้มค่าที่สุด
5. สวมบท “ผู้เชี่ยวชาญ” แต่ไม่สร้างคอนเน็คชั่น
การทำธุรกิจในปัจจุบันนี้อยู่ในรูปแบบ Connection Economy ซึ่งวันนี้ถ้าธุรกิจของคุณไม่มีการเชื่อมต่อหรือ Connect กับลูกค้าหรือสร้างปฏิสัมพันธ์เพื่อเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจด้วยแล้ว คุณไม่อาจเรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ได้อย่างเต็มตัว นอกจากการปรับธุรกิจให้เชื่อมต่อได้ง่ายขึ้นแล้ว คุณยังควรทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าหาหรือเชื่อมต่อกับลูกค้าและผู้ชมเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ใกล้ชิดกับแบรนด์สินค้าของคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ถ้าการเติบโตของธุรกิจคุณนั้นทรงตัวหรือไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ ลองหาเวลาอย่างจริงจังเพื่อวิเคราะห์การวางกลยุทธ์ที่คุณกำลังใช้อยู่บนตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคุณกำลังนำพาธุรกิจไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ที่มา : Yengobuzz

Contact Form

Name

Email *

Message *

Translate

About me